ลิเวอร์พูล ยังคงจูนไม่ติด โดนเชลซีกด 0–2 ร่วงตกรอบ 5 ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อวันอังคารที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้เกมเยือนแพ้ 3 แมตช์ติดต่อกัน แถมยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เลยซักลูก
“สิงโตน้ำเงินคราม” นัดนี้ทำผลงานได้ดีทุกๆตำแหน่ง และมีโอกาสยิงประตูทีมเยือนได้หลายครั้ง แต่กลับกัน ตัดมาที่ “หงษ์แดง” ลิเวอร์พูล ที่การเล่น รูปเกมนั้นดูไม่เนียนตาเอาซะเลย ส่อแววว่าคู่แข่งอาจจะจับทางได้หมดแล้ว ดังนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นที่จะต้องหาแนวทางการเล่นที่หลากหลายกว่านี้
1. ฟาบินโญ่ ยังไม่คืนฟอร์ม
เกมนี้หงษ์แดงมีปัญหาที่แดนกลางอย่างชัดเจน ยิ่งต้องขาดกองกลางอย่าง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จึงส่งผลให้ทีมขาดสมดุล และ ที่สำคัญ ฟาบินโญ่ ดันฟอร์มไม่เก่งเหมือนตอนก่อนเจ็บ งานนี้ คล็อปป์ คงต้องคิดหนักแล้วว่าจะเอายังไงต่อกับกองกลางของทีมที่มีอยู่ ณ ตอนนี้
2. ขาด เฮนโด้-ไวนัลดุม ขาดสมดุล
ตอนนี้บอกได้เลยว่า เฮนเดอร์สัน มีความสำคัญกับทีมมากขนาดไหน เพราะดูจากการที่ไม่มีกัปตัน “เฮนโด้” ส่งผลให้แดนกลางของ ลิเวอร์พูล อ่อนยวบจริงๆ ที่สำคัญยังขาดการตัดเกมทำให้คู่แข่งเล่นกันง่ายขึ้น และไล่กดดัน “หงส์แดง” จนสร้างเกมไม่ได้ในที่สุด
3. วิลเลี่ยมส์ แววดีมีอนาคต
ถึงแม้เกมนี้ ลิเวอร์พูล จะใช้ โจ โกเมซ จับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แต่ไม่ได้ช่วยทำให้ทีมมีเกมรับที่แน่นเหมือนก่อน เพราะมีหลายจังหวะที่ “หงส์แดง” ไม่สามารถต้านทานเกมรุกของเจ้าบ้านได้เลย แต่อย่างน้อยๆ ในตำแหน่งแบ็กขวาก็เห็นแววดีๆออกมาแล้ว เพราะ เนโก วิลเลี่ยมส์ ทำผลงานได้น่าจับตามองเลยทีเดียว
4. แพ้เกมเยือน 3 นัดติด
ลิเวอร์พูล เล่นเกมเยือนได้น่าผิดหวังมากๆในช่วงนี้ เพราะพวกเขาแพ้เกมนอกบ้าน 3 แมตช์ติดต่อกัน จากการลงเล่นในทุกรายการ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014 ในยุคที่เบรนแดน ร็อดเจอร์ ยังคุมทีมอยู่
5. เกป้า คืนฟอร์ม
เกปา อาร์รีซาบาลาก้า แสดงให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้เห็นว่าเขาควรเป็นมือ 1 ของ เชลซี ซึ่งโดนดรอปไปหลายเกมเพราะพลาดบ่อยๆ แต่สำหรับแมตช์เขี่ย ลิเวอร์พูล ร่วงตกรอบ 5 เอฟเอ คัพ เจ้าตัวโชว์ฟอร์มสุดหนึบเรียกค่าตัวกลับมาได้เยอะจริงๆ
